ป่าดงดิบ คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร

โลกของเราถือเป็นอีกหนึ่งดาวเคราะห์ที่มีความอุดมสมบูรณ์ และมีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ ของจักรวาลเลยก็ว่าได้ อีกทั้งมนุษย์ของเราก็เป็นหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดและเรียกเผ่าพันธุ์ตนเองว่าเป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่มีอารยะ แต่อย่างไรก็ดียิ่งนานวันเวลาผ่านไป มนุษย์ก็รังแต่จะสร้างปัญหาให้กับโลกที่แสนสวยงามให้เสื่อมสภาพลง ธรรมชาติที่เคยงดงามดังในอดีตก็ได้ถูกแทนที่ด้วย สิ่งปลูกสร้าง เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ของมนุษย์จนทำให้เกิดภัยทางธรรมชาติมากมาย บางภัยธรรมชาติก็ดูแปลกตากว่าจากสิ่งที่เคยประสบพบเจอหรือยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แต่จะมีวิธีไหนบ้างที่จะมารักษาธรรมชาติในกับมาคู่กับโลกของเราให้สวยงามดังเดิม ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าต้นไม้เป็นแหล่งผลิตอากาศให้คนทั้งโลก ซึ่งก็มีอยู่ที่แหล่งหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นลมหายใจของคนทั้งโลก นั่นก็คือ ป่าดงดิบศูนย์รวมต้นไม้ ที่ได้รวบรวมพันธุ์ไม้นานาพันธุ์เอาไว้ ซึ่งบทความของเรานี้ก็จะขอพาทุกท่านได้เรียนรู้ว่า ป่าดงดิบ นั้นคืออะไร และจะมีความสำคัญต่อมนุษย์โลกอย่างไรได้บ้าง ป่าดงดิบ หรือชื่อทางวิชาการเรามักจะเรียกป่าประเภทนี้กันว่าป่าดิบชื้น คือพื้นที่ที่ต้นไม้จะเขียวขจีตลอดทั้งปี จึงถูกจัดประเภทป่าประเภทนี้ว่าป่าไม้ไม่ผลัดใบ ซึ่งด้วยความอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ของป่าดงดิบจึงทำให้เกิดพันธุ์ไม้นานาชนิด เช่น ต้นยาง ต้นตะเคียน ฯลฯ และ เหล่าสัตว์ป่าน้อยใหญ่อีกมากมายได้มาอาศัยอยู่ แน่นอนว่าความหลากหลายของพันธุ์ไม้ที่มีนี้ก็ทำให้เหล่าผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ก็จะเข้ามาหาประโยชน์จากการบุกรุกป่าเพื่อหาประโยชน์ให้พวกพ้องตัวเองและหาประโยชน์จากที่รกร้างภายในป่า จนทำให้ป่าเสื่อมโทรม โดยอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าป่าไม้คือหัวใจหลักที่ควบคุมแนวไฟ ควบคุมการไหลหลากของน้ำป่า ซึ่งหากพื้นที่ตรงส่วนนี้หายไปแล้วล่ะก็ ความผิดปกติทางธรรมชาติ หรือภัยพิบัติต่างๆ ก็มีแต่จะเข้ามาหามนุษย์ อีกทั้งปัญหาของภาวะโลกร้อนที่ส่งผลให้เกิดความแปรปรวนต่างๆ ให้เกิดขึ้นบนโลก และเมื่อสูญเสียผืนป่าไปเหล่าสัตว์นานาพันธุ์ก็จะไม่มีที่อยู่จนอาจจะสุญพันธุ์ไปในที่สุด สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากหากมนุษย์เราไม่รู้จักรักษาธรรมชาติให้คงอยู่กับเรา จงอย่ามองว่าเรื่องของธรรมชาติเป็นเรื่องไกลตัวแต่ให้มองว่าทุกคนทุกส่วนจะต้องมีส่วนร่วมในการรับมือเรื่องเหล่านี้และโลกใบที่สดใสของเราจะกลับคืนมา

กฎระเบียบและข้อควรปฏิบัติในการเข้าอุทยานแห่งชาติ

ธรรมชาติเป็นสิ่งที่สวยงาม มันอยู่มาก่อนที่จะมีสิ่งชีวิตกำเนินเสียอีก ความสวยงามเหล่านี้ควรได้รับการปกป้องจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมในอุทยานถึงมีกฎเคร่งครัดหลายข้อ ก็เพื่อให้ความสวยงามเหล่านี้อยู่ไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานอีกนับพันปี ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูกันว่ามีอะไรที่ไม่ควรทำเมื่อเข้าไปเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ และเมื่อรู้แล้วก็อย่าทำ เมื่อพบเห็นคนทำผิดก็ช่วยกันแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วย ถือเป็นการช่วยกันคนละไม้คนละมือ 1.ห้ามนำสิ่งของออกนอกพื้นที่ มันหมายถึงทุกอย่างที่อยู่ภายในเขตนั้นห้ามเอาออกไปอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าขนาดเล็ก หรือ ขนาดใหญ่ เช่นต้นไม้ ดอกไม้ หรือ ผลไม้ต่างๆ ก็ห้ามเช่นกัน ดังนั้นเราสามารถเดินชมได้อย่างเดียว เพราะถ้าทำผิดจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย และถือว่าโทษรุนแรงมากๆเลยด้วย 2.ห้ามเล่นการพนันในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ เพราะถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และอาจก่อเสียงดังจนทำให้เกิดความลำคานแก่คนรอบข้าง และสัตว์ป่า 3.ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดภายในเขตอุทยาน เหตุผลเดียวกับห้ามเล่นการพนัน เพราะอาจก่อให้เกิดเสียงดัง หรือทำให้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นได้ 4.ห้ามส่งเสียงดัง ขณะเดินชมป่า หรืออยู่ในที่พักก็ตาม เพื่อไม่ให้สัตว์ตกใจและก่อกวนคนรอบข้าง 5.ห้ามขับรถเกินความเร็วที่กำหนด เนื่องจากเส้นทางธรรมชาติส่วนใหญ่คดเคี้ยว และมีสัตว์ป่าข้ามไปมาตลอดเวลา ถ้าใช้ความเร็วเกินเราอาจหยุดรถไม่ทันและชนสัตว์ หรือ เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ 6.ห้ามทิ้งขยะตามพื้นเด็ดขาด เพราะจะทำให้ระบบนิเวศเสียหาย ควรนำไปทิ้งในถังขยะที่จัดเตรียมเอาไว้ตามจุดต่างๆ หรือเก็บกลับบ้านไปด้วย 7.ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าป่า เนื่องจากอาจเกิดอันตรายกับคนและสัตว์ได้ อาจทำให้สัตว์ป่าตกใจหนี หรือกระโจนเข้าใส่ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นพาหะนำโรคเข้าไปอีกด้วย 8.ห้ามให้อาหารสัตว์ป่า เพราะนักท่องเที่ยวชอบให้อาหารสัตว์ตามข้างถนน เมื่อให้บ่อยๆ มันก็จะมารออยู่ข้างถนน เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกมันตายจากรถชน 9.ไม่ตัดต้นไม้ หรือ […]

ประวัติและสถานที่ท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี (จุดชมกระทิง จุดชมช้างป่า กิจกรรมดูนก)

จริงๆ แล้วการใช้ชีวิตระหว่างคนกับสัตว์คือสิ่งที่ยังคงเกื้อกูลกันอยู่เสมอมาตั้งแต่อดีตสู่ปัจจุบัน พื้นที่แห่งหนึ่งที่ในปัจจุบันเป็นตัวอย่างของการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับสัตว์ป่าได้เป็นอย่างดีก็คือพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี แต่กว่าที่จะเป็นแบบนี้ได้ในอดีตที่ผ่านมาพื้นที่บริเวณนี้ก็เคยเป็นพื้นที่ที่คนไปแย่งกับสัตว์ป่ามาก่อนจนเกือบจะทำให้สัตว์ป่าเหล่านี้ไม่มีที่อยู่อาศัยที่หากินกันเลยทีเดียว รู้จักกับประวัติของอุทยานแห่งชาติกุยบุรี อดีตพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติกุยบุรีเป็นพื้นที่ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างคนกับสัตว์ป่าโดยเฉพาะในช่วงปี 2525-2528 เป็นช่วงที่คนปลูกไร่สับปะรดแล้วรุกคืบคลานเข้าไปในพื้นที่ป่าอย่างหนัก ขยายอาณาเขตเข้าไปยังเขตพื้นที่ป่าสงวนกุยบุรี พวกช้างป่าที่ขาดแคลนอาหารจากการบุกรุกของคนเราก็ออกจากป่ามาหากินสับปะรดตามไร่ของชาวบ้านแถมยังเกิดติดใจจนเปลี่ยนพฤติกรรมมาเลือกกินสับปะรดในไร่แทนทำเอาชาวบ้านหลายรายแทบหมดตัวทำให้เกิดเป็นปัญหาขึ้น มีช้างป่าถูกฆ่าตายมากมาย กระทั่งสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริเพื่อแก้ไขปัญหานี้จึงเป็นที่มาของ โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่า บริเวณป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อปี 2541 จากสิ่งเหล่านี้เองทำให้กลายเป็น กุยบุรีโมเดล ที่คนสามารถอยู่ร่วมกับสัตว์ป่าได้อย่างเข้าอกเข้าใจจนทุกวันนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้คนได้เข้ามาใกล้ชิดกับสัตว์ป่าจำนวนมากจากจุดชมสัตว์ป่าน้อยใหญ่เหล่านี้ จุดชมกระทิง จุดชมช้างป่า กิจกรรมดูนก ซึ่งบริเวณจุดที่จะชมสัตว์ป่าทั้ง 3 ประเภทนี้มีอยู่ 3 จุดหลักๆ ในอุทยานแห่งชาติกุยบุรีประกอบไปด้วย จุดโป่งสลัดได, จุดหน้าผา และจุดหน่วยป่ายาง เวลาเข้าไปจะต้องนั่งรถกระบะของทางเจ้าหน้าที่ที่ทางอุทยานฯ ได้มีการจัดเตรียมเส้นทางเอาไว้ซึ่งระหว่างทางเราจะสามารถพบเจอสัตว์ป่าออกมาหากินได้แบบใกล้ชิดสุดๆ จนมาถึงจุดแรกอย่าง จุดหน้าผาเป็นจุดชมกระทิงและช้างป่า ลักษณะเป็นหน้าผาเตี้ย มองออกไปเห็นเป็นแนวป่า ถัดไปเป็นทุ่งหญ้ากว้าง โอบล้อมด้วยแนวเขา จากนั้นก็มาที่จุดโป่งสลัดไดซึ่งเป็นจุดที่เต็มไปด้วยป่าแต่เป็นอีกจุดที่สามารถพบเจอกระทิงออกมาหาอาหารได้ง่าย หรือบางคนยังไม่หนำใจก็ให้พาไปยังจุดหน่วยป่ายางได้เช่นกัน นอกจากนี้ในทุกบริเวณที่เราไปสัมผัสจะมีนกสวยงามบินอยู่เบื้องบนให้ได้เก็บรูปไว้เป็นความทรงจำด้วย ถือว่าเป็นอีกสถานที่ที่มีคุณค่าทางธรรมชาติอย่างแท้จริง

วิธีในการใช้พลังงานอย่างประหยัด (เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ)

พลังงานเป็นทรัพยากรที่ถูกนำมาใช้ในหลายรูปแบบและส่วนใหญ่เป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปกว่าที่จะสร้าง หรือสั่งสมใหม่มาทดแทนต้องใช้ระยะเวลาบ่มเพาะนานนับหลายชั่วอายุคน พลังงานอีกบางประเภทแม้ว่าจะได้มาจากพลังงานหมุนเวียน ที่ธรรมชาติสามารถสร้างหรือมีวงจรนำมาใช้ได้ใหม่ก็จริง แต่พลังงานเหล่านั้นทุกชนิดก็มีต้นทุนของการผลิต การแปรรูปที่สูงด้วยกัรทั้งสิ้น  เมื่อมนุษย์ทุกคนจำเป็นที่จะต้องชพลังงานเพื่อการดำรงอยู่ในชีวิตประจำวันทุกวัน ทั้งเพื่อความจำเป็นต่อชีวิตหรือจะเพื่ออำนวยความสะดวกต่าง ๆ ก็ตาม หากเราใช้พลังงานกันอย่างไม่ประหยัด ระมัดระวังแล้ว ก็ย่อมจะมาสู่สภาวะหรือสถานการณ์วิกฤตที่ชาวโลกทุกชีวิตขาดแคลนพลังงานอย่างแน่นอน เป็นที่น่าเสียดายที่พลังงานหลายชนิดหายากและการได้มาซึ่งพลังงานนั้นต้องทุ่มเททั้งแรงกาย เทคโนโลยี เวลา ความรู้ และ ทุนทรัพย์กว่าจะได้นำมาใช้ แต่คนหลายกลุ่มหลายจำพวกกลับใช้พลังงานนั้นอย่างสิ้นเปลืองไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและไม่เห็นคุณค่า การประหยัดพลังงานด้วยการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเห็นคุณค่าของพลังงานเป็นคำตอบที่จะช่วยให้เราทุกคนมีพลังงานใช้ไปได้นานแสนนาน การประหยัดพลังงานไม่แต่เฉพาะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมและประเทศชาติเพียงเท่านั้น แต่การประหยัดและใช้พลังงานอย่างมีคุณค่ายังทำให้ผู้ที่ใช้เองได้รับประโยชน์อย่างมากมายด้วย ทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวเนื่องกับการใช้พลังงาน การสร้างจิตสำนึกให้เกิดการเห็นคุณค่าพลังงาน การมีสิ่งแวดล้อม และ ชีวิตที่ดี และสมบูรณ์ขึ้นเป็นต้น วิธีปฎิบัติง่าย ๆ ที่เราทุกคนสามารถประหยัดการใช้พลังงานได้ที่บ้านด้วยตัวของเราเองแต่ละคนก็คือ เริ่มจากปิดไฟดวงที่ไม่ใช้การปิดไฟ 1 ดวงของคน1 คนจะช่วยให้ประเทศชาติประหยัดพลังงานได้ถึง 0.1% คิดเป็นเงินถึง1,698 ล้านบาท เงินจำนวนนี้นำไปสร้างโรงเรียนในแถบชนบทที่ขาดแคลนได้ถึง 283 โรง นอกจากนั้นยังมีวิธีประหยัดไฟอีกมาก เช่น การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในขนาดที่พอเหมาะพอดีกับความจำเป็นในครัวเรือน ไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่จะกินไฟมากกว่า เช่น หม้อหุงข้าว ตู้เย็น กระติกน้ำร้อนและเครื่องซักผ้าเป็นต้น การประหยัดพลังงานไม่ใช่เรื่องที่เป็นหน้าที่ของภาครัฐเท่านั้น แต่ต้องการการร่วมมือร่วมใจและเห็นความสำคัญจากคนทุกคน เพราะทุกคนก็ร่วมใช้พลังงานด้วยกันทั้งสิ้น […]

ข้อดีของการใช้ถุงผ้าแทนการใช้ถุงพลาสติก(เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ)

ในช่วง 20-30 ปีหลังมานี้โลกของเราต้องผจญกับความปรวนแปรมากมาย เกิดมลพิษและภัยธรรมชาติหลายครั้งจนนับไม่ถ้วนและที่น่าแปลกก็คือในพื้นที่หลายจุด ของโลกซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัยและน่าอยู่กลับมีสภาพที่เปลี่ยนไปทั้งสิ้น มีมลพิษทางอากาศและมลพิษในดินมากมาย ทุกอย่างนั้นล้วนมาจากฝีมือมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น นวัตกรรมแห่งยุคสมัยอาจจะสร้างความสะดวกสบายให้กับมนุษย์ ปฏิวัติความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นแต่สิ่งเหล่านี้กลับเป็นผลทำร้าย ทำลายธรรมชาติและโลกของเราอย่างรุนแรง หนึ่งในนวัตกรรมที่มีผลอย่างมากต่อมลพิษและสิ่งแวดล้อมโลกก็คือพลาสติก โดยเฉพาะถุงพลาสติกนี่เอง สาเหตุที่ถุงพลาสติกทำให้เกิดมลภาวะแก่โลกก็เป็นเพราะทั้งกระบวนการผลิตถุงพลาสติกและกระบวนการทำลาย กำจัด ถุงพลาสติกที่ไม่ใช้แล้วทั้งสองการกระทำนี้ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ ขึ้นในบรรยากาศของโลกและก๊าซนี้จะยังคงอยู่และไปทำลายชั้นโอโซนของโลก แล้วถ้าเราไม่เผาถุงพลาสติกเหล่านี้แต่ใช้วิธีการกลบฝังล่ะ จะช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้หรือไม่ คำตอบ คือ ช่วยลดได้บ้างแต่ก็กลับไปสร้างอีกปัญหาหนึ่งขึ้นแทนนั่นก็คือการสร้างขยะที่ย่อยสลายได้ยากให้แก่โลก เพราะถุงพลาสติกธรรมดาเพียง 1 ใบใช้เวลาในการย่อยสลายหมดต้องการเวลาทั้งหมดถึง 450 ปีทีเดียว ในทางกลับกันการรณรงค์ให้เปลี่ยนไปใช้ถึงผ้าแทนถุงกระดาษเป็นคำตอบที่ดี ที่เราจะช่วยลดการใช้ถุงพลาสติกไปได้มาก ใน1สัปดาห์หากเราใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกในการซื้อของเพียง 1 วัน ตลอดปีจะช่วยให้ลดการใช้ถุงพลาสติกหรือลดขยะพลาสติกไปได้ถึง 100 ล้านถุงต่อปี ในสถิติของกรุงเทพมหานครขยะ 85,00 ตันที่ต้องเก็บในแต่ละวันมีจำนวนที่เป็นถุงพลาสติกอย่างเดียวถึง 1,800 ตันต่อวันทีเดียว การเปลี่ยนมาใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกนอกจากข้อดีที่เราต้องการที่สุด คือ การช่วยลดขยะจากถุงพลาสติกแล้ว ยังมีข้อดีอีกมากมายคือ การสะพายหรือหิ้วถุงผ้าจะช่วยในเรื่องการแบกรับน้ำหนักได้ดี แม้เวลาที่ของมีน้ำหนักมากการกดทับบนไหล่หรือมือของเราจะน้อยกว่าถุงพาสติก มีความนุ่มและสัมผัสที่อ่อนโยนกว่า ทนทานไม่ขาดง่ายเมื่อบรรจุของหนัก ๆ มาก ๆ ใช้ได้นาน มีความสวยงามและมีสไตล์ที่เลือกได้ตามรสนิยมของผู้ใช้ ลดสารปนเปื้อนที่ก่อให้เกิดมะเร็งเมื่อสัมผัสกับของกิน หรือ ร่างกาย […]

โครงการค่ายอบรมความรู้วิทยาศาสตร์ทางทะเล

เวลาที่นึกถึงเรื่องทะเลคนส่วนใหญ่ก็มักจะนึกถึงเรื่องของการท่องเที่ยว การได้มีโอกาสชมสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลต่างๆ เป็นความสวยงามที่ไม่ได้จะหากันได้บ่อยๆ สำหรับสิ่งเหล่านี้ แต่อันที่จริงแล้วเมื่อพูดถึงเรื่องทะเลยังคงมีอีกหลายๆ เรื่องที่ควรต้องทำความเข้าใจไม่ใช่แค่เรื่องของการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจในวิทยาศาสตร์ทางทะเลที่มีมากกว่าแค่ความสวยงามและความสนุกสนานที่ได้ไปสัมผัสท้องทะเลเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้โครงการค่ายอบรมความรู้วิทยาศาสตร์ทางทะเลจึงเป็นโครงการที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนได้เข้าใจและรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าทะเลมากขึ้นอีกด้วย โครงการค่ายอบรมความรู้วิทยาศาสตร์ทางทะเล โครงการดีๆ สำหรับท้องทะเล โครงการค่ายอบรมความรู้วิทยาศาสตร์ทางทะเลเป็นโครงการที่จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องยาวนานโดยในปี 2560 นี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 37 แล้วที่ได้มีการจัดโครงการดีๆ โครงการนี้ขึ้นเป็นประจำทุกปี นั่นแสดงให้เห็นว่าการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของวิทยาศาสตร์ทางทะเลยังคงเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจอยู่เสมอมาไม่มีเปลี่ยนแปลง ในปีนี้มีการจัดโครงการค่ายอบรมความรู้วิทยาศาสตร์ทางทะเลขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 25-29 พฤษภาคม โดยใช้ชื่อว่า Save Our Sea Keep Our Lives สำหรับค่ายอบรมความรู้วิทยาศาสตร์ทางทะเลหรือที่รู้จักและเรียกกันติดปากว่า Marine Camp ได้เริ่มต้นจัดขึ้นเป็นครั้งแรกมาตั้งแต่ปี 2523 โดยชมรมพิทักษ์ทะเล เป็นการดำเนินงานโดยนิสิตนักศึกษาภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีจุดประสงค์เพื่อต้องการเผยแพร่ความรู้ทางด้านวิชาการ และความรู้ทั่วๆ ไปเกี่ยวกับเรื่องของท้องทะเลให้กับผู้ที่สนใจได้รับรู้ มุ่งเน้นในด้านการปูพื้นฐานเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ถือว่าเป็นค่ายอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลค่ายแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นค่ายต้นฉบับสำหรับการจัดค่ายอนุรักษ์ประเภทอื่นๆ ในเวลาต่อมา จากสิ่งเหล่านี้ทำให้มองเห็นได้ว่าการที่โครงการดีๆ สามารถยืนหยัดมาได้กว่า 30 ปีย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา กลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการค่ายอบรมความรู้วิทยาศาสตร์ทางทะเลคือเหล่าบรรดาน้องๆ นักเรียนช่วงมัธยมปลายคือตั้งแต่ ม.4-ม.6 วัตถุประสงค์หลักๆ ก็ต้องการให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในด้านสภาพแวดล้อมทางทะเลพร้อมกันนี้ยังต้องการให้ตระหนักถึงสภาพแวดล้อมปัจจุบันของท้องทะเลไทยด้วย เมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ท้องทะเลสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกมันคงจะดีมากๆ […]

ประวัติและสถานที่ท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติลำคลองงู (ถ้ำเสาหิน ถ้ำนกนางแอ่น ถ้ำเวิลด์คัพ ถ้ำน้ำตก ถ้ำทิพุเชะ)

กาญจนบุรีเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจมากมายให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนานไปกับการผจญภัยต่างๆ มากมายชนิดที่เรียกได้ว่าหลายๆ คนต้องจดจำกันเลยทีเดียว สถานที่บริเวณหนึ่งที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ในการมาท่องเที่ยวกาญจนบุรีก็คือ การท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ภายในพื้นที่นี้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมายให้นักท่องเที่ยวได้ผจญภัยกันอย่างสุดเหวี่ยงรับรองว่าต้องประทับใจอย่างแน่นอน รู้จักประวัติอุทยานแห่งชาติลำคลองงู อุทยานแห่งชาติลำคลองงูตั้งอยู่ที่ อ.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี กำเนิดมาจากลำห้วยที่ไหลวกวนกัดเซาะเพิงเทือกเขาหินปูนบนพื้นที่สลับซับซ้อนกลางผืนป่า ทำให้เกิดเป็นโพรงถ้ำที่มีขนาดใหญ่อยู่หลายแห่ง รวมกับการสะสมของตะกอนหินปูนทีมีมาอย่างยาวนานเกิดเป็นหินงอกหินย้อยและประติมากรรมอันสวยงามจากธรรมชาติมากมาย ทำให้ภายในอุทยานแห่งชาติลำคลองงูแห่งนี้มีถ้ำน้อยใหญ่อยู่เต็มไปหมด และเราจะพาไปรู้จักกับถ้ำแต่ละที่กันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ำเสาหิน ถือเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติลำคลองงู พึ่งมีการเปิดเผยได้ราว 10 กว่าปีที่ผ่านมานี้เอง ภายในจะพบกับถ้ำที่ผสมกับหินปูนหยอดย้อยลงมาเป็นเวลานับล้านๆ ปี ก่อตัวเป็นเสาหินอันแสนงดงามราวกลีบดอกไม้ที่เตรียมเบ่งบานเป็นแท่งยาวสูงจรดเพดานถ้ำ เมื่อวัดขนาดดูแล้วเสาหินปูนธรรมชาติที่ก่อตัวขึ้นมาจนถึงเพดานถ้ำสูงถึง 62.5 เมตร เลยทีเดียว ถือเป็นสถิติความสูงที่สุดในโลกด้วย ถ้ำนกนางแอ่น ปากถ้ำจะคล้ายกับหน้าต่างของถ้ำ ใช้เวลาในการเดินเข้าไปค่อนข้างไกล ต้องฝ่ากระแสน้ำเข้าไปในถ้ำที่มืดสนิท ต้องเดินทางเข้าไปทางล้ำห้วยลำคลองงูแล้วลอยตัวไปกับชูชีพ หรือบางจังหวะถ้าหากกระแสน้ำแรงก็ต้องมาเดินลัดเลาะแทน แต่เมื่อพบแล้วจะเห็นหินงอกหินย้อยที่สวยงาม มีความแปลกตาและใหญ่มาก ถ้ำเวิลด์คัพ เป็นถ้ำที่อยู่ถัดจากถ้ำนกนางแอ่นเข้าไปอีกราวๆ 2 กิโลเมตร ความพิเศษของถ้ำนี้ที่ถูกเรียกว่าถ้ำเวิลด์คัพก็เพราะว่าจะมีความสวยงามที่มองไปเหมือนกับถ้วยฟุตบอลโลก จึงให้ชื่อว่าเป็นถ้วยเวิลด์คัพ ถ้ำน้ำตก เป็นถ้ำที่เปราะบางสูง เพราะในถ้ำยังมีหินงอกหินย้อยที่เติบโตอยู่ หากใครไม่รู้แล้วไปสัมผัสจะทำให้ไม่เจริญเติบโตได้ ปากถ้ำค่อนข้างแคบ เพดานถ้ำเตี้ย บางช่วงต้องใช้การคลาน ต้องระมัดระวังในการเข้าไปอย่างมาก ถ้ำทิพุเชะ เป็นภาษากะเหรี่ยงแปลว่า ถ้ำน้ำลอด ด้วยความชันของปากถ้ำ […]

เชิญชวนเข้าร่วมโครงการ ช่วยกันปลูกป่าช่วยชาติ

ป่าไม้ถือเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดอันดับต้นๆ ของโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ถือว่าเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างจะอุดมสมบูรณ์อย่างมากทั้งจากพืชพันธุ์ต่างๆ และป่าเขา ต้นไม้ ลำธาร เรียกว่าหลายๆ ประเทศต่างก็อิจฉาคนไทยอย่างมากที่มีทรัพยากรในด้านต่างๆ ครบครันขนาดนี้ แต่ด้วยความครบครันที่ว่านี้เองมันก็เหมือนกับเป็นดาบสองคมที่ทำให้คนไทยซึ่งไม่ได้ใส่ใจกับความอุดมสมบูรณ์ตรงนี้เลือกที่จะใช้ประโยชน์จากป่าไม้แบบผิดๆ โดยที่ไม่สนว่าใครจะได้รับผลกระทบบ้าง การตัดไม้ทำลายป่าได้เริ่มขึ้น การล่าสัตว์ป่าได้เกิดขึ้น รวมไปถึงการแผ้วถางป่าเพื่อใช้ในการทำประโยชน์ส่วนตัวอื่นๆ สิ่งเหล่านี้นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ทำลายป่าไม้ในประเทศไทยให้หายไปได้ภายในชั่วพริบตาจริงๆ จึงไม่แปลกที่ทุกวันนี้เรามักจะเห็นว่าประเทศไทยเวลามีฝนตกหนักก็มักจะเกิดปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากว่าไม่มีต้นไม้ที่คอยชะลอและกักเก็บมวลน้ำที่ไหลลงมาสู่ผืนดิน ยังไม่รวมไปถึงสภาวะต่างๆ ที่อาจจะมองไม่เห็น อาทิ ภาวะเรือนกระจกที่โลกนั้นร้อนขึ้นทุกวันจากการที่ไม่มีต้นไม้ค่อยผลิตออกซิเจน และปัญหาอื่นๆ อีกมากมายที่สร้างผลกระทบให้กับมนุษย์ผู้ที่อยู่อาศัยบนโลกใบนี้ หากคุณเองเป็นคนหนึ่งที่กำลังคิดว่ายังต้องการที่จะอยู่บนโลกด้วยอากาศบริสุทธิ์ต่อไปมันจึงถือเวลาแล้วที่เราทุกคนจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อทำให้ป่าไม้ของไทยกลับมาเป็นป่าที่มีความเขียวขจีเหมือนเดิม การเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดก็คือว่าการลองเข้าร่วมโครงการอย่าง ช่วยกันปลูกป่าช่วยชาติ ดู เพียงแค่ต้นกล้าเล็กๆ คนละต้นในอนาคตมันจะกลายเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่คอยบดบังร่มเงาให้กับผู้ที่ต้องการ คอยป้องกันน้ำป่าที่ไหลลงมาเพื่อเตรียมทำร้ายคนด้านล่าง เพราะถ้าเราไม่เริ่มตั้งแต่วันนี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเริ่มต้นได้เมื่อไหร่ หรือบางทีอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็เป็นฯได้เช่นเดียวกัน การอยู่ร่วมกับธรรมชาติถือว่าเป็นสิ่งที่ควรกระทำสำหรับทุกๆ คน และอะไรที่สามารถช่วยให้ธรรมชาติกลับมามีความงดงามและมีประโยชน์ต่อส่วนรวมดังเดิมอีกก็ควรจะทำ   ลองนึกภาพไปให้ไกลมากๆ หากวันใดวันหนึ่งประเทศไทยหมดซึ่งป่าไม้ขึ้นมา เมื่อนั้นเราๆ ท่านๆ เองก็คงจะยืนอยู่ต่อไปไม่ได้อย่างแน่นอน การร่วมมือกันคนละเล็กคนละน้อยถือว่าเป็นการสร้างอายุให้กับประเทศไทย ให้กับโลก และให้กับตัวเราเองที่จะได้อยู่สูดอากาศบริสุทธิ์กันต่อไปในอนาคต

ตระหนักถึงปัญหาของถุงพลาสติก

ถุงพลาสติกส่วนใหญ่ทำขึ้นมาจาก polyethylene สามารถสร้างเป็นรูปทรงต่างๆ ที่ต้องการได้ และมีความคงทนสูง อยากต่อการย่อยสลายตามธรรมชาติ ซึ่งอาจใช้เวลาย่อยสลายด้วยตัวเองตามธรรมชาตินานถึง 500-1,000 ปีเลยทีเดียว จึงนับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นศัตรูตัวร้ายต่อโลกและภาวะเรือนกระจก การนับถุงพลาสติกกับมาใช้หรือ recycle อีกครั้งนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ส่งผลดีเลย ปัจจุบันเชื่อว่ามีถุงพลาสติกมากกว่า 100 ล้านถุงในแต่ปีเฉพาะประเทศไทย มาดูกันดีกว่าว่าผลเสียอะไรบ้างที่พลาสติกสร้างผลเสียต่อธรรมชาติ แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วถุงพลาสติกจะกับไปสู่พื้นดินหรือที่เรียกว่าธรรมชาติ ดังนั้นสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะนำถุงพลาสติกไปใช้ในรูปแบบไหนก็ตาม ท้ายที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อธรรมชาติอยู่ดี ไม่ว่าจะทิ้งลงสู่ถังขยะหรือจะพยายามทำลายทิ้งก็ตาม – เป็นอันตรายต่อสัตว์ที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ – สร้างความเสื่อมโทรมต่อธรรมชาติอย่างรุนแรง – มีส่วนอย่างมากในการทำให้เกิดการอุดตันของน้ำ โดยเฉพาะไปปิดกั้นท่อระบายน้ำ – มีอันตรายต่อระบบนิเวศหลายๆ ด้าน – มีก๊าซที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกหรือโลกร้อน – เมื่อทำการเผาพลาสติกจะมีสารที่ก่อเกิดโรคมะเร็งอย่าง “ไฮโดรคาร์บอน” จึงไม่ใช่เรื่องดีเลยที่ถุงพลาสติกมีการผลิตออกมาอย่างต่อเนื่องและมีจำนวนมากขึ้น ไม่พอต่อการย่อยสลายตามธรรมชาติ เพราะต้องใช้เวลานานถึง 500 ปี เป็นอย่างต่ำ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการสะสมของถุงพลาสติกมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ในปัจจุบันถุงพลาสติกสามารถทดแทนได้ด้วยการหันมาใช้ถุงกระดาษหรือถุงผ้าแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้ถุงพลาสติกเป็นจำนวนมากเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นหากมนุษย์ใส่ใจในเรื่องของการหลีกเลี่ยงการใช้ถุงพลาสติกจะสามารถช่วยลดขยะมูลฝอยในแต่ละปีได้เป็นจำนวนมาก แนวทางการกำจัดถุงพลาสติก การทำลายถุงพลาสติกมีเพียงแต่ 2 วิธีคือ 1.การฝัง – การฝังเป็นตัวเลือกแรกเสมอในการกำจัดถุงพลาสติก แต่การฝังนั้นจะส่งผลต่อสภาพดินอย่างมาก เนื่องจากต้องฝังกลบดินและต้องใช้เวลาในการย่อยสลายยาวนานเป็นร้อยๆ […]

ฝายชะลอน้ำ อีกหนึ่งวิธีรักษาธรรมชาติ

ฝาย เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ ทำไว้สำหรับช่วยกักเก็บน้ำและชะลอการไหลเวียนของน้ำได้ดี ป้องกันน้ำท่วมจากแม่น้ำลำธารได้ดี โดยเฉพาะฤดูฝนที่เสี่ยงต่อกระแสน้ำที่รุนแรง อีกทั้งยังช่วยปกป้องหน้าดินช่วยลดการพังทลายของหน้าดินได้เป็นอย่างดี ปกติเราจะเห็นฝายกั้นน้ำส่วนใหญ่จะถูกสร้างบริเวณ ลำห้วย, ลำธารขนาดเล็กในช่วงต้นน้ำ แถมยังช่วยกักเก็บตะกอนได้อีกด้วย แถมยังช่วยคงความชุ่มชื่นได้เป็นเวลายาวนาน สร้างประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตพื้นที่มากมาย อย่าง แมลง สัตว์ป่า พันธุ์พืชนานาชนิดได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยกักเก็บน้ำไว้ในใช้งานได้ฤดูแล้งได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ประโยชน์ที่ได้จากฝายชะลอน้ำ แน่นอนว่าฝายชะลอน้ำนั้นมีประโยชน์มากมายต่อระบบนิเวศน์และความเป็นอยู่ของทุกสิ่งมีชีวิตบริเวณนั้นๆ อย่างมากมาย รวมถึงเป็นโครงการพระราชดําริที่ทรงคุณค่า สร้างความอุดมสมบูรณ์ดังนี้ 1.ช่วยลดความรุนแรงจากสายน้ำ – ลำธาร 2.ป้องกันหน้าดินให้แข็งแรงและไม่พังทลาย 3.ช่วยกักเก็บน้ำได้เป็นอย่างดี มีน้ำในลำห้วยเยอะขึ้นกว่าไม่มีฝายชะลอ 4.สามารถนำน้ำที่ถูกกักจากฝายชะลอน้ำมาใช้ในหน้าแล้งได้ 5.สร้างความชุ่มชื่น ความอุดมสมบูรณ์ 6.มีความเป็นอยู่ที่ดีต่อสัตว์ที่อาศัยบริเวณนั้น และความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต 7.ฝายชะลอน้ำจะสามารถช่วยกักเก็บตะกอนต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณต้นน้ำ ทำให้น้ำใสมากขึ้น คือ 7 ประโยชน์หลักสิ่งที่ได้จากฝายชะลอน้ำ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่ได้อีกมากมายเช่น การสร้างความชุ่มชื่นจากฝายชะลอน้ำจะช่วยให้ลดความรุนแรงจากเหตุไฟป่าได้อีกด้วย วิธีการสร้างฝายชะลอน้ำง่ายๆ ฝายชะลอน้ำจะใช้วัสดุที่หาได้จากธรรมชาตินั้นๆ แต่จะเริ่มจากการตีไม้และปักเสาระบุตำแหน่งเสียก่อน เช่น บริเวณที่เป็นพื้นดินพื้นทรายก็อาจจะใช้กระสอบทรายวางเรียงเป็นฝาย หรือ บริเวณที่มีหินมากจะใช้หินวางเรียงตัวกันเป็นแนวฝายเป็นต้น ทั้งนี้ขนาดของฝายจะแตกต่างกันไม่แน่นอน เนื่องจากขึ้นอยู่กับขนาดของลำธารและลำห้วยที่ต้องการสร้างฝายชะลอน้ำ