ประโยชน์ของป่าชายเลนและเหตุผลที่ต้องอนุรักษ์

หลายคนคงเคยได้ยินกับการปลูกป่าชายเลนบ่อยครั้ง เนื่องจากมีโครงการปลูกป่าชายเลนหรือกิจกรรมปลูกป่าชายเลนให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นหลายคนคงสงสัยว่าการปลูกป่าชายเลนมีความจำเป็นขนาดไหนและมีประโยชน์อย่างไร ทำไมถึงต้องสร้างกิจกรรมปลูกป่าชายเลนบ่อยครั้งนัก ซึ่งแน่นอนการขึ้นชื่อว่า “ปลูกป่า” นั้น จะต้องมีแต่ประโยชน์ต่อระบบนิเทศและธรรมชาติอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าการปลูกป่าแต่ละประเภทจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปดังนั้นมาดูประโยชน์ของการปลูกป่าชายเลนดีกว่าว่าให้ประโยชน์ด้านอะไรบ้าง  สิ่งที่ได้จากการปลูกป่าชายเลน ป่าชายเลน มีความสำคัญมากมายและทรงคุณค่าต่อการอย่างมาก ให้ทรัพยากรที่มีคุณค่าอย่างมากมายนับไม่ถ้วน มีส่วนประกอบทางธรรมชาติอย่างมหาศาลภายในประเทศ ดังนั้นการปลูกป่าชายเลนจะมีแต่ทรัพยากรทรงคุณค่ามากมายนับไม่ถ้วน จึงไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดทำไมถึงมีการรณรงค์ปลูกป่าชายเลนหรือมีอีกชื่อว่า “ป่าโกงกาง” บ่อยครั้ง – ป่าชายเลนจะกลายเป็นแหล่งอาหารให้แก่สัตว์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น สิ่งหนึ่งที่แน่นอนที่จะได้จากไม้ป่าชายเลนก็คือ แหล่งอาหารที่ได้จากเศษไม้หรือใบไม้ที่ร่วงหลนจนกลายเป็นโปรตีนสำหรับสัตว์ที่อาศัยในบริเวณนั้นๆ เช่น ปู, หอย, ปลา ไปจนถึงกุ้งและหนอน ดังนั้นหากขาดซึ่งป่าชายเลนอาจทำให้แหล่งอาหารสำหรับสัตว์น้ำจำพวกนี้คาดแคลนอย่างแน่นอน – ป่าชายเลนเป็นแหล่งอนุบาลตัวอ่อนของสัตว์หลากหลายชนิด นอกจากว่าเป็นแหล่งอาหารสำคัญของสัตว์ที่อาศัยบริเวณยังจะเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์ต่างๆ อีกด้วย จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลถึงเศรษฐกิจต่อชุมชนและต่อประเทศอย่างมากมาย เช่น อนุบาลตัวอ่อนของ กุ้งกุลาดำ กุ้งแชบ๊วย หอยนางรม หอยแครง หรือ ปลากะพงขาว ปลากระบอก ปูม้า ปูแสม  เป็นต้น – ป่าชายเลนเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันหน้าดินพังทลายบริเวณชายฝั่งทะเล การป้องกันและชะลอความเร็วของกระแสน้ำที่กระทบชายฝั่งจะช่วยให้หน้าดินมีความแข็งแรง เนื่องจากตะกอนต่างๆ ที่มาพร้อมกับกระแสน้ำที่พัดเข้ามาบริเวณชายฝั่งของป่าชายเลน จนเกิดเป็นการทับถมของดิน ทำให้เกิดหน้าดินใหม่ และเมื่อใช้ระยะเวลานานมากขึ้นก็จะแพร่ขยายลงบนบริเวณทะเลเป็นอันเรียกว่า “หาดเลน” นั่นเอง […]

การอนุรักษ์ปะการังที่นักท่องเที่ยวอย่างเราก็ทำได้

ปัจจุบันปะการังบนน่านน้ำทะเลกำลังได้รับผลกระทบอย่างมากอย่าง โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยว เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าปะการังนั้นมีความสวยงามและเป็นสิ่งที่อยู่คู่ใต้ท่องทะเลอย่างขาดไม่ได้ ปะการังจึงมีความจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายใต้ทะเลสีฟ้าอันกว้างขวาง เรียกได้ว่าจุดใดบนผืนทะเลมีปะการังที่อุดมสมบูรณ์จุดนั้นจะมากด้วยทรัพยากรธรรมชาติพร้อมระบบนิเวศที่ดีตามมา ดังนั้นหากใครที่อยากให้ทะเลที่สวยงามของเรายังคงเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ให้เริ่มจากการดูแลรักษาแนวปะการังกันเสียก่อน 5 วิธีแสนง่ายที่นักท่องเที่ยวอย่างเราควรปฏิบัติ 1.ไม่ควรนำมือไปจับหรือสัมผัสกับแนวปะการัง เนื่องจากปะการังบ้างชนิดนั้นเพียงเอามือไปจับหรือแตะเบาๆ ก็อาจตายได้ ดังนั้นเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าปะการังชนิดไหนบ้างที่เราสามารถจับหรือเหยียบได้ ทางที่ดีที่สุดคือ ห้ามจับ – ห้ามเหยียบ ถึงแม้จะเป็นการโดนเพียงนิดเดียวก็ตาม 2.ห้ามคิดหักปะการังนำไปเป็นของที่ระลึกเด็ดขาด หากใครศึกษาเรื่องปะการังจะทราบดีว่า ปะการังนั้นใช้เวลาในการสร้างตัวและเจริญเติบโตใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 100 ปี โดยเฉพาะปะการังที่มีขนาดใหญ่ จึงเป็นเรื่องที่ผิดอย่างร้ายแรงในการหักกิ่งหรือก้านของปะการังเพื่อสะสม 3.ทิ้งขยะลงบนทะเล การทิ้งขยะลงบนธรรมชาติเป็นเรื่องที่ผิดแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าจะทิ้งลงที่ใดก็ตามไม่เพียงแต่แนวปะการังเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ผืนป่า, ทะเล, แม่น้ำลำคลอง ไปจนถึงถนนหนทาง ล้วนแล้วแต่เป็นการทำล้ายธรรมชาติทั้งสิ้น 4.ช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการปกป้องแนวปะการัง การช่วยกันดูแลและเฝ้าสังเกตการณ์กระทำความผิดที่ส่งผลกระทบต่อแนวปะการังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยกันได้อย่างดี เช่น การแจ้งเบาะแสคนที่กระทำความเสียหายต่อแนวปะการัง, หากพบเห็นการระเบิดปลาบริเวณแนวปะการังให้รีบแจ้งโดยทันที เป็นต้น 5.ช่วยกันดูแลและบอกต่อถึงความสำคัญของแนวปะการัง การช่วยกันดูแลแนวปะการังอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนทำได้คือ การบอกเพื่อนหรือญาติพี่น้องที่มาด้วยกันถึงวิธีการดูแลปะการังได้ง่ายๆ หรือศึกษาถึงวิธีการต่างๆ ว่าปะการังนั้นสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลมากน้อยเพียงใด ทั้งหมดนี้คือแนวทางปฏิบัติที่ง่ายดายและสามารถทำได้เมื่อมีโอกาสสัมผัสกับปะการังที่สวยงาม รับรองว่าหากนักท่องเที่ยวอย่างเราปฏิบัติตามวิธีทั้ง 5 ในข้างต้น อนาคตปะการังที่สวยงามก็ยังคงอยู่ไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานอย่างแน่นอน ถึงแม้ในวันนี้ปะการังกำลังได้รับผลกระทบจากการ 1.ท่องเที่ยว 2.การทำเศรษฐกิจ 3.หาปลา หรืออื่นๆ […]

กระบี่ ทะเลสวย ทรายขาว ปะการังงดงาม ต้องมาสัมผัสสักครั้งในชีวิต

หากถามถึงทะเลที่เหมาะแก่การไปเยือนสักครั้งในชีวิต “กระบี่” คือคำตอบแรกๆ เสมอ ตลอดชายฝั่งอันดามัน กระบี่ คืออีกมนต์เสน่ห์ที่น่าค้นหาและสร้างความประทับใจแก่นักทางเที่ยวทุกครั้งที่มาเที่ยว กระบี่มากด้วยเกาะน้อยใหญ่มากกว่า 100 เกาะ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทะเลอันดามัน ด้วยความอุดมสมบูรณ์มากมายตั้งแต่ ภูเขา หมู่เกาะ และป่าชายเลน ห่างจากกรุงเทพเมืองหลวงของประเทศไทย 814 กิโลเมตร มีเนื้อที่กว้างขวางถึง 4,708 ตารางกิโลเมตร หมู่เกาะพีพี เกาะขึ้นชื่อประจำจังหวัดกระบี่ เป็นหนึ่งในหมู่เกาะประจำจังหวัดกระบี่ที่มากด้วยความสวยงามมากมาย เป็น 1 เกาะ ที่นักท่องเที่ยวมาเยือนกระบี่ต้องมาให้ได้ เกาะพีพีอยู่ห่างจากอำเภอเมือง 42 กิโลเมตร ได้สมญานามว่า “อาณาจักรแห่งบุปผาใต้สมุทร” เพราะนักท่องเที่ยวจะต้องดำน้ำลงไปดูปะการังที่มากมายและอุดมสมบูรณ์ที่สุดที่หนึ่ง พร้อมปลาทะเลนานาชนิดที่เต็มไปด้วยสีสันและความสวยงามอย่างเต็มเปี่ยม บนเกาะมากไปด้วยต้นไม้ทะเลอย่าง ต้นโกงกาง สระมรกต อีกหนึ่งสถานที่ที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด สระมรกตสระน้ำใจกลางป่า เป็นน้ำที่มีต้นกำเนิดมาจากธารน้ำอุ่นตามผืนป่าที่ราบต่ำ น้ำใสเขียวดั่งมรกตเสมือนชื่อของมัน ด้วยความสวยใสนี้เองมันจึงสามารถดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้ตลอดเวลา อุณภูมิน้ำอยู่ที่ประมาณ 30 – 50 องศาเซลเซียส พร้อมึวามอุดมสมบูรณ์ของป่าโดยรอบที่จะเต็มไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด ร่มรื่นเขียวชอุ่ม และนกที่หาชมได้ยาก ดังนั้นนักท่องเที่ยวทุกคนไม่ควรจะพลาดกับการไปยัง “สระมรกต” นี้

ดอยอินทนนท์ ความสวยงามบนยอดความสูงกว่า 2,565 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “ดอยอินทนนท์” คือหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามที่สุดของประเทศไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักเดินทางทุกคนทั้งคนไทยและคนต่างชาติอยากจะมาสัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติของที่นี่ ด้วยอากาศที่เย็นชื่นใจตลอดปี พร้อมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน แต่ดอยอินทนนท์สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยวแบบสบายๆ หรือจะแบกเป้ลุยๆ ก็ยังไหว นับว่าหากใครที่ไม่เคยมาสัมผัสกับบรรยากาศบนยอดดอยที่ขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในประเทศไทย ก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์กินพื้นที่มากกว่า 482.4 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น 301,500 ไร่ มากไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์กินพื้นไปตั้งแต่ อำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอดอยหล่อ และอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดเทือกเขาจะเต็มไปด้วยดอกไม้สวยงามนานาชนิด วิวทิวทัศน์ที่มองเห็นภูมิประเทศอย่างงดงาม ประกอบกับแม่น้ำหลายสายที่มีต้นกำเนิดจากดอยอินทนนท์มากมายถึง 8 สายด้วยกัน 1.แม่กลาง 2.แม่ป่าก่อ 3.แม่ปอน 4.แม่ยะ 5.แม่แจ่ม 6.แม่หอย 7.แม่ขาน 8.แม่ปิง โดยเฉพาะนำตกแม่ยะที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดประจำประเทศไทยเลยทีเดียว นอกจากนี้บนดอยอินทนนท์ยังมากไปด้วยโครงหลวงโดยเฉพาะ “โครงการหลวงอินทนนท์” ที่สนับสนุน ชาวเขาหันมาปลูกพืชและดำรงชีพด้วยการทำเกษตรกรรมแทนการค้าฝิ่น เช่น สวนกระบองเพชร สวนเฟิน และไม้ดอกไม้ประดับต่างๆ ประจำเมืองเหนือ สุดท้ายที่นักท่องเที่ยวจะพลาดไม่ได้เลยก็คือ พระธาตุภเมทนีดลและพระธาตุนภพลภูมิสิริ ที่กองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรทั่วประเทศไทย พร้อมใจสร้างเพื่อถวายแก่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2535 […]